ในโลกยุคใหม่ พ่อแม่ผู้ปกครองจำเป็นต้องรู้จักคำแสลงอย่าง sus “sus คืออะไร” เป็นคำถามที่ได้รับความนิยมในบทสนทนาของเด็กและวัยรุ่น บทความนี้จะกล่าวถึงความหมายของ sus เหตุผลที่ได้รับความนิยม วิธีการใช้ และเหตุผลที่เด็กๆ ใช้ ผู้ปกครองยังจะได้รับการสอนวิธีสังเกตบุตรหลานใช้คำแสลงทางอินเทอร์เน็ตโดยไม่ทำให้พวกเขาตกอยู่ในอันตราย การเรียนรู้เกี่ยวกับ sus ช่วยเหลือ ผู้ปกครองสื่อสารกับเด็กๆ ได้ดีขึ้นและดูแลพวกเขาให้ปลอดภัย ออนไลน์
ซัส คืออะไร?
Sus ย่อมาจากคำว่า suspicious หรือ suspect เป็นสำนวนที่ใช้เรียกสิ่งของหรือบุคคลที่ดูไม่น่าเชื่อถือหรือน่าสงสัย เมื่อบุคคลใดพูดว่าสิ่งของหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งน่าสงสัยหรือ sus หมายความว่าเขาไม่เชื่อว่าบุคคลหรือสถานการณ์นั้นเป็นจริงหรือจริงใจ คำนี้มักใช้กันในชุมชนออนไลน์ แอปแชท และ สื่อสังคม.
ในภาษาสแลงของคำว่าตำรวจ เดิมที รากศัพท์อย่าง sus ถูกใช้เป็นคำย่อมาตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 1920 หรือ 1930 ในกองกำลังตำรวจของอังกฤษ คำว่า sus เป็นคำย่อที่เจ้าหน้าที่ใช้เพื่อระบุบุคคลต้องสงสัย ต่อมา คำสั้นๆ นี้เริ่มกลายเป็นภาษาพูดในสังคมเมืองบางแห่ง โดยเฉพาะในสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา คำนี้เองเป็นคำเฉพาะกลุ่มจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ เมื่อมันแพร่หลายไปทั่วในเกม ออนไลน์ และโซเชียลมีเดีย
การกลับมาของคำว่า "sus" ในภาษาสแลงของวัยรุ่นเริ่มต้นขึ้นจากเกม ออนไลน์ แบบผู้เล่นหลายคน "Among Us" ในตอนแรก เกมนี้เปิดตัวในปี 2018 และผู้เล่นจะต้องรู้จักกับเหล่าตัวปลอมที่คอยระแวงเพื่อนร่วมทีม ผู้เล่นจะเรียกพฤติกรรมที่น่าสงสัยโดยใช้คำว่า SUS สภาพแวดล้อมในการเล่นเกมนี้ทำให้โลกนี้เข้าถึงได้ง่ายและนำไปประยุกต์ใช้กับคนรุ่นใหม่ได้อย่างมาก Sus จึงกลายเป็นฟีเจอร์การสื่อสารดิจิทัล



ทำไม Sus ถึงได้รับความนิยมมาก?
มีหลายสิ่งที่ทำให้ "sus" ได้รับความนิยม เริ่มจากมีมและวัฒนธรรมอินเทอร์เน็ตที่มีบทบาทสำคัญ เครือข่ายสังคมออนไลน์อย่าง TikTok อินสตาแกรมและ Twitter มีเนื้อหาที่รวดเร็วและน่าสนใจ โดยมีคำสั้นๆ ที่น่าสนใจและได้รับความนิยม ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทำให้ "Sus" เป็นที่นิยมผ่านรูปภาพ วิดีโอ และโพสต์ตลกๆ ทำให้แพร่หลายอย่างรวดเร็ว
ประการที่สอง วิดีโอเกม Among Us มีส่วนช่วยเผยแพร่แนวคิดเรื่อง sus สู่กระแสหลัก ความนิยมของเกมในหมู่ผู้คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรการล็อกดาวน์อันเนื่องมาจากการระบาดใหญ่ทั่วโลกในปี 2020 ทำให้ผู้คนหลายล้านคนมีโอกาสเรียนรู้คำแสลงนี้ กลไกพื้นฐานของเกม ซึ่งเกี่ยวข้องกับการชี้นิ้วไปที่ผู้เล่นทีม sus ในเกม สอดคล้องกับความหมายของคำแสลงนี้อย่างสมบูรณ์แบบ ความร่วมมือนี้ทำให้ sus มีความสำคัญอย่างยิ่งในการแสดงความสงสัย
เป็นที่นิยมเพราะความเรียบง่ายและความหลากหลายในโลก sus เพียงสามตัวอักษรก็เพียงพอที่จะตัดสินความน่าเชื่อถือและความซื่อสัตย์ได้ภายในระยะเวลาอันสั้น ความกระชับนี้เหมาะสมกับบริบทของการสื่อสารทางอินเทอร์เน็ตที่รวดเร็ว เมื่อผู้เล่นและผู้ใช้โซเชียลมีเดียชื่นชอบคำที่กระชับ ชื่อนี้ไม่ได้จริงจังแต่ทรงพลัง เป็นการผสมผสานที่ดึงดูดใจคนรุ่นใหม่อย่างมาก
คนเราใช้คำว่า 'Sus' ในภาษาพูดทั่วไปอย่างไร?
ผู้คนใช้คำว่า "Sus" แตกต่างกันไปในการสนทนาในชีวิตจริง การสนทนา ออนไลน์ และวัฒนธรรมมีม ตัวอย่างเช่น ผู้คนอาจเรียกใครสักคนว่า "sus" เมื่อบุคคลนั้นทำตัวแปลกๆ หรือดูลึกลับ หนึ่งในประโยคทั่วไปคือ He is being sus หรือ That is a little sus คำเหล่านี้สื่อถึงความสงสัยในเจตนาหรือความจริงใจของเขาหรือเธอ



Sus เป็นสำนวนที่ใช้ในวงการเกมเพื่อกล่าวหาผู้เล่นคนอื่นว่าได้กระทำการอันเป็นการหลอกลวง ยกตัวอย่างเช่น ในเกม Among Us ผู้เล่นมักจะพูดว่า Red คือ sus เมื่อพวกเขาสงสัยว่า Red เป็นตัวปลอม การใช้แอปพลิเคชันที่เรียบง่ายและตรงไปตรงมานี้ได้หลุดออกมาเป็นคำพูดปกติ ภายนอก วงการเกม
คำว่า "Sus" ไม่ได้มีความหมายเชิงลบเสมอไป บางครั้งมักใช้กันแบบติดตลกในหมู่เพื่อนฝูง นอกจากนี้ยังถูกใช้เป็นคำประชดประชันเพื่อเยาะเย้ยซึ่งกันและกัน บริบทเป็นตัวกำหนดว่าคำนั้นถูกกล่าวหาอย่างจริงจังหรือเป็นเรื่องตลกเล็กๆ น้อยๆ ความยืดหยุ่นนี้ทำให้คำนี้ดูมีชีวิตชีวาและทันสมัย
ส่งเสริมให้บุตรหลานของคุณสำรวจเว็บอย่างปลอดภัยด้วยตัวกรองเนื้อหาที่ปรับแต่งได้
ทำไมเด็กๆ ถึงใช้คำว่า “ซัส”?
การใช้คำว่า sus ในหมู่เด็กและวัยรุ่นเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงการสื่อสารทางดิจิทัลที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน เยาวชนได้รับมีม คอนเทนต์ไวรัล และเทรนด์โซเชียลมีเดียจำนวนมหาศาล ทุกวัน เด็กๆ เรียนรู้คำแสลงจากภาษาเหล่านี้ โดยนำมาประยุกต์ใช้เพื่อให้สื่อสารได้อย่างรวดเร็วและเข้าถึงสังคมได้
ความจริงที่ว่ามันเข้ากับสไตล์การสื่อสารของพวกเขา ทั้งรวดเร็ว เป็นกันเอง และบางครั้งก็ขี้เล่น ทำให้คนรุ่น Gen Z (เกิดช่วงกลางทศวรรษ 1990 ถึงต้นทศวรรษ 2010) หันมาใช้คำว่า sus ตัวชื่อเองก็ได้รับความนิยมในชุมชนเกม โดยเฉพาะในกลุ่ม Among Us ยิ่งตอกย้ำชื่อเสียงในหมู่วัยรุ่นมากขึ้นไปอีก
เด็กๆ ใช้คำว่า "sus" เพื่อให้ฟังดูทันสมัยและตรงประเด็นเมื่อแสดงความสงสัยหรือสงสัย คำว่า "sus" เป็นภาษาลัดที่ถ่ายทอดการตัดสินทางสังคมที่ซับซ้อนได้ทันที การใช้คำว่า "sus" ร่วมกันยังบ่งบอกถึงการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเพื่อนและวัฒนธรรมออนไลน์ ดังนั้น ส่วนใหญ่แล้ว แรงกดดันจากเพื่อนและความต้องการที่จะเข้ากับสังคม คือสิ่งที่ผลักดันให้เด็กๆ ใช้คำแสลงเช่น sus
วิธีตรวจสอบและปกป้องลูกๆ ของคุณจากศัพท์แสลงทางอินเทอร์เน็ต เช่น Sus
คุณจำเป็นต้องใส่ใจเทคโนโลยีและหมั่นตรวจสอบและดูแลบุตรหลานของคุณให้ห่างไกลจากคำแสลงทางอินเทอร์เน็ต เช่น "sus" เป็นต้น คำแสลงเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและสามารถบดบังเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมหรือพฤติกรรม ออนไลน์ ที่เป็นอันตรายได้ ผู้ปกครองควรติดตามข่าวสารและมีส่วนร่วมอยู่เสมอ เนื่องจากเด็กๆ เริ่มเข้าสังคมผ่านโซเชียลมีเดีย เกม และ แอพส่งข้อความวิธีที่ดีที่สุดในการปกป้องทั้งพ่อแม่และลูกคือการลดความเสี่ยงและสร้างความยืดหยุ่นทางดิจิทัลผ่านเครื่องมือควบคุมโดยผู้ปกครองและการพูดคุยกันอย่างสม่ำเสมอเกี่ยวกับภาษาและความปลอดภัย ออนไลน์ การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองอย่างแข็งขันช่วยให้มั่นใจได้ว่าเด็กๆ จะได้รับประสบการณ์ ออนไลน์ ที่ปลอดภัย เหมาะสมกับวัย และดีต่อสุขภาพ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาในระยะยาว
ทำไมพ่อแม่จึงควรใส่ใจเรื่องคำแสลง



แม้ว่าคำแสลงอย่างเช่น sus อาจเป็นคำที่ดีและไม่เป็นอันตราย แต่ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป คำแสลงทางอินเทอร์เน็ตยังสามารถถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดในทางที่เป็นอันตรายได้ เช่น การกลั่นแกล้ง การบงการ หรือการกีดกันทางสังคม ยกตัวอย่างเช่น การดูหมิ่นผู้อื่นโดยใช้คำว่า sus อาจเปลี่ยน ให้คะแนน ไปเป็นการคุกคามหรือถูกแยกออกจากสังคม
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ศึกษาโดย ICCOM ระบุว่าคำพูดที่สะเพร่าหรือทำร้ายจิตใจสามารถทิ้งรอยแผลอันยาวนานไว้กับความภาคภูมิใจในตนเองและความเป็นอยู่ทางอารมณ์ของเด็ก ความคิดเห็นเชิงลบ การเยาะเย้ยถากถาง และการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงสามารถกัดกร่อนแรงจูงใจ ความมั่นใจ และความปรารถนาของนักเรียนที่จะมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้อย่างกระตือรือร้น ดังนั้น ผู้ปกครองจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับคำแสลงใหม่ๆ ทั้งหมด เพื่อปกป้องลูกของตนจากการกลั่นแกล้งและใครก็ตามที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของพวกเขา
ปกป้องเด็กๆ ด้วย FlashGet Kids
FlashGet Kids เป็นแอปพลิเคชันควบคุมการใช้งานของผู้ปกครองที่มีชื่อเสียง ซึ่งช่วยให้ผู้ปกครองสามารถติดตามและควบคุมบุตรหลานของตนได้ เครื่องมือนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งในบริบทของความปลอดภัย ออนไลน์ มีความสามารถที่แข็งแกร่งในการตรวจสอบการใช้งานแอปและ เวลาอยู่หน้าจอ ที่ส่งเสริมการใช้อุปกรณ์อย่างมีสุขภาพดี
ตัวกรองเนื้อหาของแอปจะป้องกันไม่ให้เด็กเข้าถึงเว็บไซต์และแอปพลิเคชันที่ไม่เหมาะสม และจำกัดให้อยู่ในเนื้อหาที่ปลอดภัย แอปจะส่งคำเตือนไปยังผู้ปกครองเมื่อคำสำคัญที่น่าสงสัยในบริบทของข้อความ แอพโซเชียลมีเดียแอปจะแจ้งเตือนผู้ปกครองทันทีผ่านระบบตรวจจับคำสำคัญทุกครั้งที่มีการใช้คำว่า "sus" ในบริบทที่น่ากังวล
FlashGet Kids ยังรองรับการรายงานกิจกรรมแบบเรียลไทม์อีกด้วย ตำแหน่ง การติดตาม และ การตรวจสอบสด เพื่อให้ผู้ปกครองได้รับรู้ นอกจากนี้ คุณยังสามารถจำกัดและควบคุมพฤติกรรมดิจิทัลของบุตรหลานได้ด้วย การจำกัดเวลาหน้าจอ. ในทำนองเดียวกัน การบล็อกแอป คุณสมบัติภายในแอพนี้ค่อนข้างแข็งแกร่ง เครื่องมือเหล่านี้จะ ช่วยเหลือ ผู้ปกครองในการโต้ตอบล่วงหน้า และ ช่วยเหลือ บุตรหลานของตนในการนำทางการสื่อสาร ออนไลน์ โดยรวมแล้ว แอปพลิเคชั่นนี้สร้างพื้นที่ ออนไลน์ ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นในหมู่เด็กๆ
บทสรุป
คำว่า Sus เป็นคำแสลง ซึ่งแปลว่า น่าสงสัย หรือ น่าสงสัย แม้จะมีรากศัพท์มาจากภาษาโบราณบ้าง แต่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงหลังๆ นี้ คำนี้ได้กลายเป็นศัพท์แสงของตำรวจในศตวรรษที่ 20 จนกลายเป็นเนื้อหาการสื่อสารของคนรุ่น Gen Z สาเหตุหลักมาจากวัฒนธรรมการเล่นเกมและโซเชียลมีเดีย
ปัจจุบัน ผู้คนใช้คำว่า "sus" เพื่อแสดงความไม่ไว้วางใจอย่างแท้จริง การล้อเล่นเล็กๆ น้อยๆ หรือเพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางสังคม ความกระชับและความยืดหยุ่นของคำนี้ทำให้คำนี้เป็นที่นิยมใช้ในการตัดสินปัญหาสังคมอย่างรวดเร็วในการโต้วาที ออนไลน์
ผู้ปกครองควรตระหนักถึงคำแสลงเช่น sus และสามารถตีความความหมายของคำเหล่านั้นได้ เพราะการทำเช่นนี้จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าบุตรหลานจะได้รับประสบการณ์ ออนไลน์ ที่ปลอดภัย เครื่องมืออย่าง FlashGet Kids นำเสนอวิธีการที่ใช้งานได้จริงในการติดตามและปกป้องเด็กๆ จากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากคำแสลงทางอินเทอร์เน็ต
ผู้ปกครองควรสร้างความตระหนักรู้และการสื่อสาร ซึ่งจะ ช่วยเหลือ พวกเขาสามารถบริหารจัดการภาษาที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาของคนยุคดิจิทัลได้ดีขึ้น ซึ่งจะทำให้เด็กๆ มีความรู้เกี่ยวกับคำศัพท์เฉพาะทางต่างๆ ในปัจจุบัน ขณะเดียวกัน พวกเขาก็จะปลอดภัยและได้รับการปกป้องบนอินเทอร์เน็ต




